คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อย
🆀 หนังสือชี้ชวน...มีความสำคัญเพียงใด
อยากทราบว่าหนังสือชี้ชวนคืออะไร สำคัญแค่ไหน
🅰 ผู้ลงทุนบางท่านที่ซื้อกองทุนรวมไปแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงได้รู้ว่ากองทุนรวมที่ตัวเองซื้อนั้นไม่ได้ตรง
กับความต้องการของตัวเองเลย สุดท้ายก็เลยมีเสียงบ่นที่ให้ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า
การลงทุนในกองทุนรวม
ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้โดยตรงที่บริษัทจัดการ หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการนั้นๆ แต่งตั้งขึ้น กองทุนรวม มีหลากหลายนโยบายให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้ลงทุน ยกตัวอย่างเช่น
» ไม่ได้อยากซื้อเลยนะ แต่เขาบอกว่าดี ก็เลยซื้อ
» เกรงใจคนขาย เขาบอกให้ช่วยซื้อหน่อยก็เลยช่วยซื้อไว้
» ทำไมกองทุนรวมที่ฉันซื้อไว้ถึงไม่จ่ายปันผลเลย
» ไม่อยากได้เงินปันผลเลย เพราะเงินมันกระจัดกระจาย ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
» นึกว่าจะไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้เมื่อครบอายุโครงการ แต่ทำไมกลายเป็นไถ่ถอนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปได้
» กองทุนรวมตราสารหนี้ มีความเสี่ยงด้วยหรือ ไม่เห็นมีใครบอกเลย
» ฉันกลัวการลงทุนในหุ้น แต่ทำไมกองทุนรวมที่ฉันซื้อไว้ถึงไปซื้อหุ้นนะ
ความผิดหวังหรือความไม่ได้อย่างใจ ที่นักลงทุนหลายๆ ท่านพบ ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ถ้าหากนักลงทุนได้ให้เวลา ในการศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมกองนั้นๆ อย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ รายละเอียดเหล่านั้นหาอ่านได้ จากที่ไหน ผู้ลงทุนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินหรือเคยเห็นเอกสารที่มีชื่อว่า “หนังสือชี้ชวน” หรือเรียกกันอย่าง เต็มยศว่า “หนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุน...” หรือถ้ายังรู้สึกไม่คุ้นเคย ก็มาทำความรู้จัก พร้อมๆ กันเลยนะคะ
หนังสือชี้ชวนจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1. ส่วนสรุปข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนควรทราบ เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จำเป็นต้องอ่าน รายละเอียดข้างใน นั้นจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ชื่อ ประเภท อายุโครงการ จำนวนเงินทุนของโครงการ มูลค่าที่ตราไว้ จำนวนและ ราคาของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย วัตถุประสงค์ในการลงทุน รวมไปถึงข้อมูลสำคัญลงลึกเกี่ยวกับนโยบาย การลงทุน ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนได้ทราบว่ากองทุนกองนี้นำเงินไปลงทุนในตราสารอะไรบ้าง ในสัดส่วน เท่าไหร่ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่ สถานที่ติดต่อซื้อขาย ชื่อ เบอร์โทร บริษัทจัดการ ผู้ดูแล ผลประโยชน์ นายทะเบียนหน่วยลงทุน ฯลฯ ตลอดจนเรื่องของค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่กองทุน เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ คำเตือน และความเสี่ยงเกี่ยวกับ การลงทุนซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นล้วนสำคัญทั้งสิ้น
2. ส่วนข้อมูลโครงการ ในส่วนนี้ก็จะมีรายการตามที่ปรากฏในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญแต่จะแจกแจงใน รายละเอียดของโครงการจัดการลงทุนมากกว่าที่ปรากฏอยู่ในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ขยายความเพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น บริษัทจัดการ ผู้ดูแลผลประโยชน์ นายทะเบียนหน่วยลงทุน เหล่านี้ ถ้าอยู่ในส่วนของสรุปข้อมูลสำคัญก็จะมีแค่ชื่อ และเบอร์โทร แต่ถ้าเป็นส่วนของข้อมูลโครงการก็จะมี ข้อมูลครบทั้งหมด คือ ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ หรือนโยบายการจ่ายเงินปันผล ในส่วนสรุป ข้อมูลสำคัญก็จะบอกว่าจ่าย หรือ ไม่จ่าย แต่ถ้าเป็นในส่วนของข้อมูลโครงการ ก็จะบอกรายละเอียด ว่าจ่ายในอัตราเท่าไหร่ ของอะไร อย่างไร ประมาณเมื่อไหร่เหล่านี้เป็นต้น และในส่วนของข้อมูล โครงการที่แตกต่างอีกอย่างคือ ในหน้าแรกๆ จะมีคำจำกัดความของคำต่างๆ ที่ใช้เรียกกันในหนังสือ ชี้ชวน ว่ามีความหมายว่าอะไรกันบ้าง เพื่ออธิบายให้ผู้ลงทุนได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
กองทุนรวมแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แม้ว่าจะมีนโยบายการลงทุนที่เหมือนกันก็ตาม ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุน จึงควรพิจารณาข้อมูลที่มีอยู่ในหนังสือชี้ชวนอย่างละเอียด และลองนำไปเปรียบเทียบ กับกองทุนรวมกองอื่นๆ ด้วย เพื่อผู้ลงทุนจะได้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตัวผู้ลงทุนเอง มากที่สุดค่ะ
การลงทุนในกองทุนรวม
ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้โดยตรงที่บริษัทจัดการ หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการนั้นๆ แต่งตั้งขึ้น กองทุนรวม มีหลากหลายนโยบายให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้ลงทุน ยกตัวอย่างเช่น
» ไม่ได้อยากซื้อเลยนะ แต่เขาบอกว่าดี ก็เลยซื้อ
» เกรงใจคนขาย เขาบอกให้ช่วยซื้อหน่อยก็เลยช่วยซื้อไว้
» ทำไมกองทุนรวมที่ฉันซื้อไว้ถึงไม่จ่ายปันผลเลย
» ไม่อยากได้เงินปันผลเลย เพราะเงินมันกระจัดกระจาย ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
» นึกว่าจะไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้เมื่อครบอายุโครงการ แต่ทำไมกลายเป็นไถ่ถอนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปได้
» กองทุนรวมตราสารหนี้ มีความเสี่ยงด้วยหรือ ไม่เห็นมีใครบอกเลย
» ฉันกลัวการลงทุนในหุ้น แต่ทำไมกองทุนรวมที่ฉันซื้อไว้ถึงไปซื้อหุ้นนะ
ความผิดหวังหรือความไม่ได้อย่างใจ ที่นักลงทุนหลายๆ ท่านพบ ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ถ้าหากนักลงทุนได้ให้เวลา ในการศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมกองนั้นๆ อย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ รายละเอียดเหล่านั้นหาอ่านได้ จากที่ไหน ผู้ลงทุนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินหรือเคยเห็นเอกสารที่มีชื่อว่า “หนังสือชี้ชวน” หรือเรียกกันอย่าง เต็มยศว่า “หนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุน...” หรือถ้ายังรู้สึกไม่คุ้นเคย ก็มาทำความรู้จัก พร้อมๆ กันเลยนะคะ
หนังสือชี้ชวนจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1. ส่วนสรุปข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนควรทราบ เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จำเป็นต้องอ่าน รายละเอียดข้างใน นั้นจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ชื่อ ประเภท อายุโครงการ จำนวนเงินทุนของโครงการ มูลค่าที่ตราไว้ จำนวนและ ราคาของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย วัตถุประสงค์ในการลงทุน รวมไปถึงข้อมูลสำคัญลงลึกเกี่ยวกับนโยบาย การลงทุน ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนได้ทราบว่ากองทุนกองนี้นำเงินไปลงทุนในตราสารอะไรบ้าง ในสัดส่วน เท่าไหร่ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่ สถานที่ติดต่อซื้อขาย ชื่อ เบอร์โทร บริษัทจัดการ ผู้ดูแล ผลประโยชน์ นายทะเบียนหน่วยลงทุน ฯลฯ ตลอดจนเรื่องของค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่กองทุน เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ คำเตือน และความเสี่ยงเกี่ยวกับ การลงทุนซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นล้วนสำคัญทั้งสิ้น
2. ส่วนข้อมูลโครงการ ในส่วนนี้ก็จะมีรายการตามที่ปรากฏในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญแต่จะแจกแจงใน รายละเอียดของโครงการจัดการลงทุนมากกว่าที่ปรากฏอยู่ในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ขยายความเพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น บริษัทจัดการ ผู้ดูแลผลประโยชน์ นายทะเบียนหน่วยลงทุน เหล่านี้ ถ้าอยู่ในส่วนของสรุปข้อมูลสำคัญก็จะมีแค่ชื่อ และเบอร์โทร แต่ถ้าเป็นส่วนของข้อมูลโครงการก็จะมี ข้อมูลครบทั้งหมด คือ ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ หรือนโยบายการจ่ายเงินปันผล ในส่วนสรุป ข้อมูลสำคัญก็จะบอกว่าจ่าย หรือ ไม่จ่าย แต่ถ้าเป็นในส่วนของข้อมูลโครงการ ก็จะบอกรายละเอียด ว่าจ่ายในอัตราเท่าไหร่ ของอะไร อย่างไร ประมาณเมื่อไหร่เหล่านี้เป็นต้น และในส่วนของข้อมูล โครงการที่แตกต่างอีกอย่างคือ ในหน้าแรกๆ จะมีคำจำกัดความของคำต่างๆ ที่ใช้เรียกกันในหนังสือ ชี้ชวน ว่ามีความหมายว่าอะไรกันบ้าง เพื่ออธิบายให้ผู้ลงทุนได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
กองทุนรวมแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แม้ว่าจะมีนโยบายการลงทุนที่เหมือนกันก็ตาม ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุน จึงควรพิจารณาข้อมูลที่มีอยู่ในหนังสือชี้ชวนอย่างละเอียด และลองนำไปเปรียบเทียบ กับกองทุนรวมกองอื่นๆ ด้วย เพื่อผู้ลงทุนจะได้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตัวผู้ลงทุนเอง มากที่สุดค่ะ
