about-icon-6

คำถามที่พบบ่อย

qa-icon

คำถามที่พบบ่อย

🆀 ปันผล VS ไม่ปันผล


ช่วยอธิบายหน่อยครับว่า ทำไมกองทุนรวมบางกองจึงมีการจ่ายเงินปันผล แต่บางกองก็ไม่มีการจ่ายเงินปันผล แล้วผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวมทั้งสองกองนี้แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
🅰 โดยทั่วไปนั้น เราพอที่จะจำแนกวัตถุประสงค์ในการลงทุนของผู้ลงทุนทั่วๆ ไป ได้ดังนี้ คือ

ไปแล้ว วันนี้เรามาดูกองทุนรวมพิเศษอื่นๆ กันต่อ ซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ

1. ลงทุนเพื่อเพิ่มค่าของเงินลงทุน หมายความว่า ต้องการให้หลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่ตนเองลงทุน หรือมีอยู่นั้นเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่ลงทุน ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนซื้อหุ้นในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ลงทุนคาดหวังให้หุ้นที่ตัวเองซื้อนั้นมีราคาเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้มีกำไรจาก ส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง หรือเปรียบเทียบกับการซื้อที่ดิน ผู้ซื้อก็คาดหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป ที่ดินจะมีราคาเพิ่มขึ้น เหล่านี้เป็นต้น

2. ลงทุนเพื่อให้มีรายได้ประจำ หมายความว่า ในระยะเวลาที่มีการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินใดๆ ก็ตาม ต้องการให้มีกระแสเงินสดรับเข้ามาแน่นอนเป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งรายได้ประจำนี้อาจจะอยู่ในรูป ของดอกเบี้ยรับและเงินปันผล หรือรายได้จากการให้เช่าที่ดิน อาคาร เป็นต้น

3. ลงทุนเพื่อปกป้องเงินทุน หรือต้องการรักษาอำนาจซื้อของตนไว้จากภาวะเงินเฟ้อ หมายความว่า ต้องการให้เงินลงทุนของตนไม่เสื่อมค่า หรือมีมูลค่าลดลง เมื่อเวลาผ่านไป

4. ลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนรวม หมายความว่า ผู้ลงทุนต้องการให้ระดับผลตอบแทนและความเสี่ยง จากการลงทุนมีความเหมาะสม ไม่เน้นไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป โดยลงทุนผสมกันไประหว่าง วัตถุประสงค์การลงทุนทั้ง 3 ประการที่กล่าวมาข้างต้น

เนื่องจากความต้องการของผู้ลงทุนที่แตกต่างกันนี้เอง บริษัทจัดการจึงได้จัดตั้งกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงิน ปันผล และนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้ลงทุน กล่าวคือ

» ในกรณีที่ผู้ลงทุนต้องการมีรายได้ประจำ เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละช่วงเวลา ผู้ลงทุนที่มีวัตถุประสงค์ ในลักษณะนี้ เหมาะกับการลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยผู้ลงทุนต้องศึกษานโยบาย การจ่ายเงินปันผลของกองทุนจากหนังสือชี้ชวน แล้วเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีเงื่อนไขหรือนโยบาย การจ่ายเงินปันผล ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของตน เช่น บางกองทุนรวมมีนโยบายจ่ายเงิน ปันผลปีละครั้ง ปีละสองครั้ง ปีละไม่เกินสี่ครั้ง หรือจ่ายทุกครั้งที่กองทุนรวมมีกำไรได้ตามเงื่อนไข ก็เลือกให้ ตรงกับใจได้ค่ะทั้งนี้ในการจ่ายเงินปันผลของกองทุนรวมนั้นจะส่งผลให้มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมนั้น ลดลงในจำนวนเท่าๆ กับมูลค่าที่มีการจ่ายเงินปันผล ฉะนั้นผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงิน ปันผลนั้นอาจจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของการลงทุน (capital gain) น้อยกว่ากองทุนรวมที่มีนโยบาย ไม่จ่ายเงินปันผลและ เงินปันผลที่ผู้ลงทุนได้รับจากกองทุนรวม ผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 10 % หรือไม่ให้หักแล้วนำไปรวมเป็นเงินได้ เพื่อเสียภาษีตอนปลายปีก็ได้

» ในกรณีที่ผู้ลงทุนต้องการให้เงินต้นหรือเงินลงทุนของตนเองนั้นเพิ่มพูนงอกเงย โดยไม่มีความจำเป็นที่จะ ต้องนำเงินมาใช้จ่ายประจำในระหว่างทาง ผู้ลงทุนที่มีวัตถุประสงค์การลงทุนในลักษณะนี้ เหมาะกับการลงทุน ในกองทุนรวมที่มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของการลงทุน มากกว่ากองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพราะผู้จัดการกองทุนสามารถนำเงินไปลงทุนได้ เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า สำหรับผู้ลงทุนที่อาจมีความจำเป็นต้องใช้เงินในระหว่างการลงทุนโดยไม่ได้คาดไว้ ล่วงหน้า ก็สามารถขายหน่วยลงทุนเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายได้ โดยถ้าผู้ลงทุนเลือกลงทุนในกองทุนเปิด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เกือบทุกวันทำการที่บริษัทจัดการหรือตัวแทนสนับสนุน การขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนนั้น แต่หากผู้ลงทุนเลือกลงทุนในกองทุนปิด ก็ต้องดูว่าบริษัทจัดการได้นำ หน่วยลงทุนไปจดทะเบียนในตลาดรองหรือแต่งตั้งบริษัทใดทำหน้าที่เสนอซื้อเสนอขาย (Market Maker) หน่วยลงทุน แล้วจึงนำกองทุนนั้นไปเสนอขายในตลาดรองหรือบริษัทเสนอซื้อเสนอขายนั้นก็ได้เช่นกัน

ส่วนกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่ ผู้ลงทุนไม่ต้องเสียภาษีแต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าการที่บริษัทจัดการจัดตั้งกองทุนรวมโดยกำหนดให้มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล ก็เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้ลงทุนที่มีความต่างกันนั่นเอง

ส่วนกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่ ผู้ลงทุนไม่ต้องเสียภาษีแต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าการที่บริษัทจัดการจัดตั้งกองทุนรวมโดยกำหนดให้มีนโยบาย การจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล ก็เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้ลงทุนที่มีความต่างกันนั่นเอง