เปิดตัวกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เชื่อมั่นช่วยสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีแก่ประชาชน


December 8, 2566

          กระทรวงการคลัง สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund : Thai ESG”) โดย 8 ธันวาคมนี้ เปิดเสนอขายพร้อมกันถึง 22 กองทุนจาก 16 บริษัทจัดการลงทุน ตั้งเป้าระดมเงินลงทุนได้ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2566 นี้ เชื่อมั่นช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวของประชาชนในการออมระยะยาวเพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีในอนาคตและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

          สำหรับกองทุน Thai ESG นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยในช่วง 10 ปีภาษี (พ.ศ.2566 – 2575) ไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งผู้ที่มีเงินได้จะได้สิทธิหักลดหย่อน ค่าซื้อหน่วยลงทุนใน Thai ESG ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับปีภาษีและจะต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน โดยกองทุน Thai ESG จะมีนโยบายเน้นลงทุนในประเทศในสินทรัพย์ อาทิ หุ้นหรือตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือเพื่อความยั่งยืน

          ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงการคลังว่า “ในฐานะภาครัฐที่เป็นเสาหลักทางการคลังและเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยและยุทธศาสตร์ชาติต่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) รวมถึงการสร้างความเพียงพอของรายได้และเงินออมเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพภายหลังการเกษียณอายุในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของประเทศ กรมสรรพากรจึงพร้อมสนับสนุนมาตรการทางภาษีเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในภาคประชาชนต่อการลงทุนเพื่อเป้าหมายความยั่งยืน การระดมทุนที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะเป็นกลไกผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัวและให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก พร้อมๆ กับการที่ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ของสหประชาชาติ รวมทั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)”

          รศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “การจัดตั้งกองทุน Thai ESG ที่ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินด้านความยั่งยืนเพื่อเพิ่มหลากหลายให้กับกองทุนรวมด้านความยั่งยืน สนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศไทย โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และส่งเสริมให้เกิดการออมระยะยาวผ่านกองทุนรวม เพื่อสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ในการยกระดับศักยภาพตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable capital market) โดยสนับสนุนให้ตลาดทุนเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ภาคธุรกิจ ทั้งบริษัทจดทะเบียนและผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนผนวกปัจจัยด้าน ESG เข้าไปในการดำเนินธุรกิจและกระบวนการทำงานอย่างจริงจัง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย อีกทั้งยังตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ลงทุนที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ ก.ล.ต.ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน Thai ESG ชุดแรกจำนวน 22 กองทุน และคาดว่าจะมีจำนวนกองทุนเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป”

          ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า “การจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund :Thai ESG) ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐโดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุน จะเป็นหนึ่งในกลไกหลักของตลาดทุนเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนของประเทศโดยเฉพาะเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ.2065 ตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ใน Paris Agreement เป็นแรงผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะการดำเนินกิจการที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมมาภิบาล (ESG) รวมทั้งช่วยสร้างให้เกิดความเพียงพอของการออมเพื่อการเกษียณของประชาชน ซึ่งองค์กรในตลาดทุนไทยทั้งหมดต่างร่วมมือกันอย่างแข็งขันในการจัดตั้งกองทุน Thai ESG เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนและ ESG และได้รับการสนับสนุนด้วยดียิ่งจากภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร และ ก.ล.ต.”

          คุณชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า “นักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) ถือเป็น stakeholder ที่จำเป็นและสำคัญมากในกระบวนการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน เพราะเป็นตัวกลางช่วย Unlock value เป็นสะพานเชื่อมต่อ supply ซึ่งคือบริษัทจดทะเบียนและ demand คือผู้ลงทุนไทย สำหรับความร่วมมือในการออกกองทุน Thai ESG ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งแรกที่กำหนดเป้าหมายเพื่อสร้างความยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ ESG และเพื่อเป็นช่องทางการออมที่มีประสิทธิภาพในระยะยาวของประชาชน สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือกองทุน Thai ESG ในระยะแรกจะครอบคลุมบริษัทจดทะเบียนไทยรวม 200 กว่าบริษัท ที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน และหรือมีการเปิดเผยข้อมูลและตั้งเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตราสารหนี้ในกลุ่มความยั่งยืน เป็นต้น โดย Thai ESG จะต้องจดทะเบียนเป็นกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI) กับ ก.ล.ต. ที่เป็นหลักเกณฑ์การลงทุนอย่างยั่งยืนตามหลักสากล และมีการกำกับดูแลเข้มข้นกว่ากองทุนรวมทั่วไป โดยกองทุนที่จัดตั้งขึ้นจะกำหนดนโยบาย กลยุทธ์การลงทุน แนวทางการคัดเลือกหลักทรัพย์ การลงทุน การติดตามการลงทุน การทำหน้าที่ active engagement ตลอดไปจนถึงการเปิดเผยผลการบริหารจัดการกองทุนว่าสอดคล้องหรือเป็นไปตามวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนที่กองทุนนั้นๆกำหนดไว้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือของ บลจ. สมาชิกเพื่อร่วมกันตรวจสอบติดตามบริษัทจดทะเบียนที่อาจไม่ปฏิบัติตาม ESG โดยกำหนด AIMC ESG Policy and Collective Action และการจัดทำ Negative List เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้จัดการกองทุนใช้กลั่นกรองบริษัทจดทะเบียนเพื่อลงทุนอีกด้วย กระบวนการทั้งหมดนี้แสดงถึง commitment ของ บลจ./กองทุน ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าการลงทุนของตนจะมีส่วนช่วยผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทย และบริษัทผู้ออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนให้มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และเป้าหมาย Net Zero และเป้าหมายความยั่งยืนของประเทศอย่างจริงจัง โดยในครั้งนี้มีบลจ.รวมพลังกันจัดตั้งกองทุน Thai ESG จำนวน 22 กองทุน จาก 16 บลจ. ซึ่งมีสัดส่วนทางการตลาดรวมกว่า 98% ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.ThailandESG.com

          ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้าน ESG อย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ตั้งแต่พัฒนาและยกระดับบริษัทจดทะเบียนไทย บูรณาการเรื่อง ESG ให้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์และกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยให้คำนึงถึงการเติบโตไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย สร้างต้นแบบธุรกิจที่มี ESG เพื่อเป็นแบบอย่าง มีการจัดทำ“รายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” เพื่อรวบรวมบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่โดดเด่น ซึ่งในปี 2566 นี้ มีบริษัทจดทะเบียนได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนถึง 193 บริษัท นอกจากนี้ ยังพัฒนา “SET ESG Data Platform” เพื่อจัดการข้อมูลด้าน ESG อย่างเป็นระบบ และจัดทำดัชนี SET ESG ให้ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็น benchmark และนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งการจัดตั้งกองทุน Thailand ESG Fund จะในครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญและเร่งพัฒนาธุรกิจตามหลัก ESG มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้าน ESG เป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนไทย ที่จะได้ลงทุนอย่างยั่งยืนเพื่ออนาคต อีกทั้งยังช่วยในการขยายฐานและมีผู้ให้ความสนใจลงทุนเพิ่มขึ้น โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนกองทุน Thailand ESG Fund อย่างเต็มที่ ทั้งการให้ความรู้ และการประชาสัมพันธ์แก่ผู้ลงทุน โดยได้ร่วมจัด Mutual Fund Fair ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม นี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ข้อมูล แนะนำกองทุนรวม Thai ESG แก่ผู้สนใจ อีกด้วย


https://ns3.aimc.or.th/web/wp-content/uploads/2023/ThaiESG/QRcode-Thaiesg.jpg
www.ThailandESG.com
สมาคมบริษัทจัดการลงทุน
โทร. 0-2264-0900 ต่อ 123

ข่าววันที่ : December 8, 2023