คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อย
🆀 การลงทุน…ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
อยากทราบว่า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน ที่บริษัทหักเงินเราไปในแต่ละเดือน เขาเอาเงินไปลงทุนอะไรกันบ้าง ครับ เราสามารถเลือกลงทุนในแบบที่เราต้องการได้หรือไม่
🅰 การลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น สามารถนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ได้หลากหลาย เช่น ตราสารแห่งทุน
(หุ้น หน่วยลงทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ) ตราสารแห่งหนี้ (พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญา
ใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ หน่วยลงทุน ) เงินฝาก ( เงินฝากธนาคารพาณิชย์
ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นหรือ สหกรณ์ออมทรัพย์ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ เงินฝากในสถาบันการเงิน
ตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินตามที่สำนักงานกำหนด เป็นต้น) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน
(หุ้นกู้แปลงสภาพ) ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรืออาจจะนำเงินไปลงทุนใน พันธบัตรหรือตราสารหนี้ต่างประเทศ
ก็ได้ แต่ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุนจะต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 4 อันดับแรก หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย
ต่างประเทศ รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ เป็นผู้ออกหรือผู้ค้ำประกัน เหล่านี้เป็นต้น
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทจัดการจะนำเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปลงทุนในหลักทรัพย์ตามนโยบายการลงทุน รูปแบบต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น นโยบายทั่วไป 3 แบบ และนโยบายพิเศษ คล้ายคลึงกับกองทุนรวมดังต่อไปนี้
1. นโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุน (Equity fund) เป็นการลงทุนที่เน้นเพื่อให้มีปริมาณเงินงอกเงย เพิ่มมากขึ้น โดยไม่สนใจการลงทุนที่ให้รายได้ประจำในรูปของดอกเบี้ยและความมั่นคงของเงินต้น ซึ่ง ส่วนใหญ่จะนำเงินไปลงทุนในตราสารทุนเฉลี่ยแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ กองทุน (NAV) และเงินส่วนที่เหลืออาจไปลงทุนไว้ในเงินฝาก และตราสารหนี้ด้วยก็ได้ หรือนำเงินทั้งหมด ไปลงทุนในตราสารทุนล้วนๆ ก็ได้
2. นโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ (Fixed income fund) เป็นการลงทุนที่เน้นให้รายได้ประจำในรูป ของดอกเบี้ย และให้ความสำคัญกับความมั่นคงของเงินต้น โดยไม่สนใจการขยายตัวของเงินลงทุน เท่าใดนัก โดยจะลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างๆ เช่น บัตรเงินฝากของธนาคาร ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ เป็นต้น
3. นโยบายการลงทุนแบบผสม (Mixed fund) เป็นการลงทุนที่ลงทุนทั้งในเงินฝาก ตราสารหนี้ และ ตราสารทุน
3.1 แบบที่กำหนดสัดส่วนการจัดสรรเงินลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ : มีการกำหนด อัตราส่วนการลงทุนในตราสารทุนอย่างชัดเจน เช่น 10% 20% หรือ 40% แต่ไม่เกิน 65% ของ NAV (หากลงทุนในตราสารทุนตั้งแต่ 65% ขึ้นไปของ NAV จะถือเป็นนโยบายตราสารแห่งทุน)
3.2 แบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน (free hand) : รูปแบบการลงทุนจะถูกกำหนดโดยบริษัท จัดการ ซึ่งจะมีการพิจารณาตามความเหมาะสมของภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา เช่น บางช่วงอาจลงทุนในตราสารหนี้ได้ถึง 100% แต่ต่อมาอาจเลือกลงทุนในตราสารทุน 100% ก็ได้
3.3 การลงทุนจะทำในนามของกองทุน ทรัพย์สินของกองทุนจะระบุชื่อกองทุนนั้นโดยเฉพาะ และกองทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของกองทุนเองทั้งหมด
4. นโยบายการลงทุนพิเศษ (specialised fund) เป็นการลงทุนลักษณะเฉพาะที่นอกเหนือจาก นโยบายทั่วไป เช่น กองทุนตลาดเงิน (money market fund) กองทุนมีประกัน (guaranteed fund) กองทุนคุ้มครองเงินต้น (capital protected fund) กองทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์ มาตรฐาน (specific fund) เหล่านี้เป็นต้น
ส่วนการเลือกนโยบายการลงทุนตามความต้องการของสมาชิก สามารถทำได้หรือไม่นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่าง การปรับปรุงกฎหมาย เปิดโอกาสให้ลูกจ้างแต่ละคนเข้ามามีบทบาทในการเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม กับตนเอง เรียกกันว่า employee's choice ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของสมาชิกกองทุน ที่อาจจะแตกต่างกันในเรื่องของ อายุ การยอมรับในเรื่องความเสี่ยงจากการลงทุน และความต้องการผลตอบแทน
สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองจากเว็บไซต์ของ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ www.thaipvd.com หรือสอบถามจากคณะกรรมการกองทุนของบริษัทที่ตัวท่านเอง เป็นสมาชิกอยู่ก็ได้ค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทจัดการจะนำเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปลงทุนในหลักทรัพย์ตามนโยบายการลงทุน รูปแบบต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น นโยบายทั่วไป 3 แบบ และนโยบายพิเศษ คล้ายคลึงกับกองทุนรวมดังต่อไปนี้
1. นโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุน (Equity fund) เป็นการลงทุนที่เน้นเพื่อให้มีปริมาณเงินงอกเงย เพิ่มมากขึ้น โดยไม่สนใจการลงทุนที่ให้รายได้ประจำในรูปของดอกเบี้ยและความมั่นคงของเงินต้น ซึ่ง ส่วนใหญ่จะนำเงินไปลงทุนในตราสารทุนเฉลี่ยแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ กองทุน (NAV) และเงินส่วนที่เหลืออาจไปลงทุนไว้ในเงินฝาก และตราสารหนี้ด้วยก็ได้ หรือนำเงินทั้งหมด ไปลงทุนในตราสารทุนล้วนๆ ก็ได้
2. นโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ (Fixed income fund) เป็นการลงทุนที่เน้นให้รายได้ประจำในรูป ของดอกเบี้ย และให้ความสำคัญกับความมั่นคงของเงินต้น โดยไม่สนใจการขยายตัวของเงินลงทุน เท่าใดนัก โดยจะลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างๆ เช่น บัตรเงินฝากของธนาคาร ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ เป็นต้น
3. นโยบายการลงทุนแบบผสม (Mixed fund) เป็นการลงทุนที่ลงทุนทั้งในเงินฝาก ตราสารหนี้ และ ตราสารทุน
3.1 แบบที่กำหนดสัดส่วนการจัดสรรเงินลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ : มีการกำหนด อัตราส่วนการลงทุนในตราสารทุนอย่างชัดเจน เช่น 10% 20% หรือ 40% แต่ไม่เกิน 65% ของ NAV (หากลงทุนในตราสารทุนตั้งแต่ 65% ขึ้นไปของ NAV จะถือเป็นนโยบายตราสารแห่งทุน)
3.2 แบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน (free hand) : รูปแบบการลงทุนจะถูกกำหนดโดยบริษัท จัดการ ซึ่งจะมีการพิจารณาตามความเหมาะสมของภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา เช่น บางช่วงอาจลงทุนในตราสารหนี้ได้ถึง 100% แต่ต่อมาอาจเลือกลงทุนในตราสารทุน 100% ก็ได้
3.3 การลงทุนจะทำในนามของกองทุน ทรัพย์สินของกองทุนจะระบุชื่อกองทุนนั้นโดยเฉพาะ และกองทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของกองทุนเองทั้งหมด
4. นโยบายการลงทุนพิเศษ (specialised fund) เป็นการลงทุนลักษณะเฉพาะที่นอกเหนือจาก นโยบายทั่วไป เช่น กองทุนตลาดเงิน (money market fund) กองทุนมีประกัน (guaranteed fund) กองทุนคุ้มครองเงินต้น (capital protected fund) กองทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์ มาตรฐาน (specific fund) เหล่านี้เป็นต้น
ส่วนการเลือกนโยบายการลงทุนตามความต้องการของสมาชิก สามารถทำได้หรือไม่นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่าง การปรับปรุงกฎหมาย เปิดโอกาสให้ลูกจ้างแต่ละคนเข้ามามีบทบาทในการเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม กับตนเอง เรียกกันว่า employee's choice ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของสมาชิกกองทุน ที่อาจจะแตกต่างกันในเรื่องของ อายุ การยอมรับในเรื่องความเสี่ยงจากการลงทุน และความต้องการผลตอบแทน
สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองจากเว็บไซต์ของ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ www.thaipvd.com หรือสอบถามจากคณะกรรมการกองทุนของบริษัทที่ตัวท่านเอง เป็นสมาชิกอยู่ก็ได้ค่ะ