คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อย
🆀 กองทุนรวมกับหุ้นต่างกัน
การลงทุนในกองทุนรวมต่างกับการลงทุนในหุ้นหรือไม่ อย่างไร
🅰 การลงทุนในกองทุนรวมกับการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเองนั้นแตกต่างกันดังต่อไปนี้ คือ
การลงทุนในกองทุนรวม
ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้โดยตรงที่บริษัทจัดการ หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการนั้นๆ แต่งตั้งขึ้น กองทุนรวม มีหลากหลายนโยบายให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้ลงทุน ยกตัวอย่างเช่น
» กองทุนรวมตราสารทุน คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยนั่นเอง
» กองทุนรวมตราสารหนี้ คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นต้น
» กองทุนรวมแบบผสม คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนทั้งในตราสารหนี้ และตราสารทุน ซึ่งมีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ เอาไว้
กองทุนรวมแต่ละกองทุนบริหารจัดการโดยบริษัทจัดการซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดูแล ตัดสินใจเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนแทนผู้ลงทุนโดยคิดค่าธรรมเนียมจากการบริหารจัดการการลงทุน สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมนั้น แม้ผู้ลงทุน ไม่มีความรู้ ไม่มีเวลา มีเงินลงทุนจำนวนน้อยก็สามารถลงทุนได้ เพราะกองทุนรวมเป็นระบบการลงทุนที่นำเงินจากผู้ลงทุนหลายๆ คน มาลงขันกันเป็นกองเงินกองใหญ่ บริษัท จัดการ โดยผู้จัดการกองทุนก็จะนำเงินที่ระดมได้มาไปลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนงอกเงย เมื่อมีดอกผลจาก การลงทุน ก็จะนำมาเฉลี่ยกลับคืนให้กับผู้ลงทุนในรูปของเงินปันผล (สำหรับกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงิน ปันผล) และกำไร (ขาดทุน) จากการขายคืนหน่วยลงทุน
ส่วนการลงทุนในหุ้น หรือการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น คือการนำเงินไปซื้อหุ้นในตลาด หลักทรัพย์ โดยผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และต้องเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อขายแต่ละครั้ง ผู้ลงทุนที่ ต้องการจะซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง ต้องไปเปิดบัญชีเพื่อทำการซื้อขายหุ้นกับ บริษัทหลักทรัพย์ (Broker) เสียก่อน ถึงจะทำการซื้อขายได้ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ผู้ลงทุนจะต้องใช้เงินทุน มากในระดับหนึ่ง ผู้ลงทุนที่มีความรู้ มีเวลาติดตามข่าวสารข้อมูล สามารถเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนได้ด้วยตัวเอง มีโอกาสที่จะทำกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์สูง แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน
สำหรับภาษีจากการลงทุนในหุ้นกับการลงทุนในกองทุนรวมนั้นมีทั้งในส่วนที่เหมือนกันและต่างกันดังต่อไปนี้คือ
เงินปันผล :
ผู้ลงทุน(บุคคลธรรมดา) มีสิทธิที่จะเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา10%หรือนำไปรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อ เสียภาษีปลายปีเหมือนกัน แต่การลงทุนในหุ้นผู้ลงทุนสามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้ ส่วนการลงทุนใน กองทุนรวมผู้ลงทุนไม่สามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้
กำไรส่วนเกินทุน :
ได้รับยกเว้นภาษีเหมือนกัน
การลงทุนแต่ละรูปแบบก็เหมาะสมกับผู้ลงทุนแตกต่างกันไป การลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีเงินทุน มีเวลาในการเฝ้าติดตาม ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนเป็น อย่างดี แต่สำหรับผู้ลงทุนมือใหม่หรือผู้ลงทุนที่มีเงินทุนไม่มากนัก ไม่มีเวลา ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การลงทุน หรือมีบ้างเล็กน้อย กองทุนรวมก็เหมาะที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนได้นะคะ
การลงทุนในกองทุนรวม
ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้โดยตรงที่บริษัทจัดการ หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการนั้นๆ แต่งตั้งขึ้น กองทุนรวม มีหลากหลายนโยบายให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้ลงทุน ยกตัวอย่างเช่น
» กองทุนรวมตราสารทุน คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยนั่นเอง
» กองทุนรวมตราสารหนี้ คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นต้น
» กองทุนรวมแบบผสม คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนทั้งในตราสารหนี้ และตราสารทุน ซึ่งมีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ เอาไว้
กองทุนรวมแต่ละกองทุนบริหารจัดการโดยบริษัทจัดการซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดูแล ตัดสินใจเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนแทนผู้ลงทุนโดยคิดค่าธรรมเนียมจากการบริหารจัดการการลงทุน สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมนั้น แม้ผู้ลงทุน ไม่มีความรู้ ไม่มีเวลา มีเงินลงทุนจำนวนน้อยก็สามารถลงทุนได้ เพราะกองทุนรวมเป็นระบบการลงทุนที่นำเงินจากผู้ลงทุนหลายๆ คน มาลงขันกันเป็นกองเงินกองใหญ่ บริษัท จัดการ โดยผู้จัดการกองทุนก็จะนำเงินที่ระดมได้มาไปลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนงอกเงย เมื่อมีดอกผลจาก การลงทุน ก็จะนำมาเฉลี่ยกลับคืนให้กับผู้ลงทุนในรูปของเงินปันผล (สำหรับกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงิน ปันผล) และกำไร (ขาดทุน) จากการขายคืนหน่วยลงทุน
ส่วนการลงทุนในหุ้น หรือการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น คือการนำเงินไปซื้อหุ้นในตลาด หลักทรัพย์ โดยผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และต้องเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อขายแต่ละครั้ง ผู้ลงทุนที่ ต้องการจะซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง ต้องไปเปิดบัญชีเพื่อทำการซื้อขายหุ้นกับ บริษัทหลักทรัพย์ (Broker) เสียก่อน ถึงจะทำการซื้อขายได้ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ผู้ลงทุนจะต้องใช้เงินทุน มากในระดับหนึ่ง ผู้ลงทุนที่มีความรู้ มีเวลาติดตามข่าวสารข้อมูล สามารถเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนได้ด้วยตัวเอง มีโอกาสที่จะทำกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์สูง แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน
สำหรับภาษีจากการลงทุนในหุ้นกับการลงทุนในกองทุนรวมนั้นมีทั้งในส่วนที่เหมือนกันและต่างกันดังต่อไปนี้คือ
เงินปันผล :
ผู้ลงทุน(บุคคลธรรมดา) มีสิทธิที่จะเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา10%หรือนำไปรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อ เสียภาษีปลายปีเหมือนกัน แต่การลงทุนในหุ้นผู้ลงทุนสามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้ ส่วนการลงทุนใน กองทุนรวมผู้ลงทุนไม่สามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้
กำไรส่วนเกินทุน :
ได้รับยกเว้นภาษีเหมือนกัน
การลงทุนแต่ละรูปแบบก็เหมาะสมกับผู้ลงทุนแตกต่างกันไป การลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีเงินทุน มีเวลาในการเฝ้าติดตาม ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนเป็น อย่างดี แต่สำหรับผู้ลงทุนมือใหม่หรือผู้ลงทุนที่มีเงินทุนไม่มากนัก ไม่มีเวลา ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การลงทุน หรือมีบ้างเล็กน้อย กองทุนรวมก็เหมาะที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนได้นะคะ
